CSV News

ท็อปส์ เพื่อเกษตรกรไทย ร่วมใจประชารัฐ จับมือจ.เพชรบูรณ์ ปั้นกลุ่มชุนชมปลูกผัก-มะขามหวาน ถ่ายทอดองค์ความรู้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนเข้มแข็ง

1-1

ท็อปส์ ต่อยอด “สินค้าชุมชนของเรา”สู่โครงการ “ท็อปส์เพื่อเกษตรกรไทยร่วมใจประชารัฐ” ชู2พันธกิจหลัก รับซื้อผลผลิตโดยตรงพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้-สร้าง 6 ชุมชนต้นแบบร่วมมือจังหวัดเพชรบูรณ์ ปั้น สหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้จำกัด และ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพแปรรูปมะขามหวานบ้านโนนเสาธงสู่ชุมชนต้นแบบเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารร้าน เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ , ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม, ท็อปส์ เดลี่, อีทไทย เปิดให้บริการตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ด้วยคำมั่นสัญญาจะให้บริการสินค้าที่มีคุณภาพ สดใหม่ (Quality & Freshness) เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม (Innovation) และเชื่อถือได้ (Trustworthy) พร้อมให้ความสำคัญกับทุกเสียงความต้องการของลูกค้า (Customer Focus)

ที่ผ่านมาบริษัทฯดำเนินธุรกิจ โดยตระหนักถึงความสำคัญของ “คน” “ชุมชน” และ “สิ่งแวดล้อม” โดยเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบสังคม (Corporate Social Responsibility) โดยเฉพาะโครงการ “สินค้าชุมชนของเรา” (Central Group for the community) ซึ่งเป็นการนำสินค้าจากชุมชนต่างๆทั่วประเทศ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานมาวางจำหน่ายในท็อปส์สาขาต่างๆ

เมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายจัดซื้อกลุ่มสินค้าอาหารสดและบริหารจัดซื้อ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจในประเทศ ตั้งแต่ระดับชุมชน ด้วยการนำโครงการ “สินค้าชุมชนของเรา”มาต่อยอดเป็นโครงการ “ท็อปส์ เพื่อเกษตรกรไทย ร่วมใจประชารัฐ”

 

โดยมีพันธกิจ 2 ข้อหลัก ได้แก่

1.การจัดซื้อสินค้าชุมชนที่มาจากแหล่งที่ดีที่สุดของแต่ละอำเภอในแต่ละจังหวัดที่เข้าไปเปิดสาขาและในพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียงพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ในกระบวนการผลิตผักและผลไม้ ตั้งแต่ต้นน้ำ การเลือกพันธุ์ที่ตลาดต้องการ การวางแผนการปลูกที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุดและให้ผลผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล การตัดแต่งผักและผลไม้เพื่อกาขนส่งและจำหน่าย การแพ็คสินค้า ร่วมออกแบบตราสินค้าให้กับชุนชน การสนับสนุนด้านการกระจายสินค้า จนถึงมือผู้บริโภค โดยบริษัทฯจะรับซื้อสินค้าจากชุมชนโดยตรง ในราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ

2.การร่วมพัฒนาโมเดล 6 ชุมชนต้นแบบ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.เพชรบูรณ์ จ.เชียงราย จ.ลำพูน จ.ระยอง และ จ.พัทลุง โดยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ในการให้คำปรึกษา เสนอแนะแนวทางดำเนินงาน เพื่อสร้างชุมชนต้นแบบ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าด้วยการแปรรูป เพื่อวางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศในอนาคต

“เราเข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้และกรรมวิธีในการปลูกผักและผลไม้ เมื่อเกษตรกรมีพื้นฐานที่เข้มแข็งแล้วจึงต่อยอดด้วยการแนะนำให้ปลูกผักพันธุ์ใหม่ๆที่ตลาดต้องการ เช่น ผักสลัด โดยบริษัทฯจะเข้าไปรับซื้อและกระจายสินค้าไปยังสาขาในท้องถิ่น ในจังหวัดใกล้เคียง และส่งกลับไปยังศูนย์กระจายสินค้าสดที่มหาชัย เพื่อกระจายต่อไปยังสาขาอื่นๆทั่วประเทศ จุดเด่นของบริษัทฯอยู่ที่การจัดการระบบกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เรากำหนดให้รถส่งสินค้าที่วิ่งไปยังสาขาท้องถิ่น ต้องรับสินค้ากลับเข้าศูนย์กระจายสินค้าด้วย เช่น เมื่อรถวิ่งไปส่งสินค้าภาคอีสาน ขากลับประมาณ 80% ของรถจะขนสินค้ากลับมาด้วย ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งได้ประมาณ 20% ทำให้สินค้าถึงมือผู้บริโภคเร็วขึ้น สดขึ้นโดยมีบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด และมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณให้กับชุมชนที่ผ่านการคัดเลือก เพื่อก่อสร้างโรงแพ็คสินค้าหรือโรงงานแปรรูปสินค้าที่ถูกสุขอนามัย เช่น โรงแพ็คผักสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จ.เพชรบูรณ์, ห้องเย็นสำหรับเก็บมะขามหวาน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพแปรรูปมะขามหวานบ้านโนนเสาธง จ.เพชรบูรณ์โดยกลุ่มเซ็นทรัลจะเข้าไปช่วยเหลือในจุดที่เกษตรกรไม่สามารถลงทุนได้เองในช่วงแรก”

ทั้งนี้ สินค้าชุมชนของเรา เกิดจากนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่เข้าไปรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่ได้คุณภาพมาตรฐานในระดับสากล ในจังหวัดที่ท็อปส์เข้าไปเปิดสาขาเพื่อต้องการรช่วยเหลือชุมชนในท้องถิ่นสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยในช่วงแรกเป็นการนำผลผลิตที่ชุมชนผลิตมาวางจำหน่ายในสาขา และต่อยอดไปสู่การถ่ายทอดองค์ความรู้ เช่น การเลือกพันธุ์ผักที่ตลาดต้องการ วางแผนการปลูก การตัดแต่งผักและผลไม้เพื่อขนส่งและวางจำหน่าย ร่วมการออกแบบตราสินค้า และสนับสนุนด้านการกระจายสินค้า (Logistic) โดยบริษัทฯเข้าไปรับซื้อสินค้าจากชุมชนโดยตรง ในราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ

ทางด้าน ไกรสร กองฉลาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า จากนโยบายของจังหวัดที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรไทยให้มั่นคงและยั่งยืน ด้วยการช่วยชาวบ้านปรับวิธีคิด จากที่ชาวบ้านคิดเอง ตามใจตัวเอง อยากปลูกอะไรก็ปลูกไม่มีความรู้ ทำให้สินค้าล้นตลาด บางครั้งถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา ภาครัฐจึงร่วมมือกับท็อปส์กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล และมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ เข้าไปให้ความรู้แก่ชาวเกษตรกรปลูกผักและผลไม้ที่ได้ราคาและเป็นที่ต้องของตลาด เช่น ผักออร์แกนิคและผักเกษตรอินทรีย์

“ชาวบ้านที่นี่มีความพร้อมและเห็นโอกาส ทุกคนที่เข้าร่วมกลุ่มกับเรามุ่งไปในทิศทางปลูกผักออร์แกนิคเกษตรกรใช้เศษผักเศษหญ้ามาทำเป็นปุ๋ยหมักเพื่อลดต้นทุนค่าปุ๋ย ลด ละ เลิกการใช้สารเคมีเพื่อให้ได้ผักอนามัย ต่อยอดสู่ผักปลอดภัย และผักเกษตรอินทรีย์ในที่สุด บรรยากาศการทำงานของชาวบ้านจะรวมตัวกันมานั่งคัดแยกผัก แพ็คผัก ผู้สูงอายุที่มางานทำสามารถหารายได้เลี้ยงตัวเองได้ หรือเด็กนักเรียนที่ปิดเทอมก็สามารถมาทำได้เพื่อหารายได้พิเศษเป็นทุนการศึกษา ได้ค่าแรงวันละ 300 และมีค่าโอทีให้อีกด้วย เกิดการจ้างงานให้ชุมชน ทำให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้”

สมบัติ จงทัน ผู้ใหญ่บ้านน้ำดุกใต้ ประธานกลุ่มสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้จำกัด ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ผลผลิตที่ได้จากกลุ่มสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้เป็นผักที่ดีมีคุณภาพ ปลอดสารพิษ และพื้นที่ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มีพืชผักกินตลอดทั้งปี โดยเฉพาะผักตระกูลกะหล่ำและคะน้า ป้อนคนในจังหวัดและภาคอีสานได้ โดยเกษตรกรที่นี่จะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยช่วงกลางคืนจะเป็นการกำจัดศัตรูพืชบางชนิดที่ออกหากิน และหากเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องทำงานตลอดทั้งวัน ต้องตัดผักจากไร่ให้เสร็จทั้งหมดแต่เช้าตรู่ จากนั้นขนส่งไปยังโรงแพ็คเพื่อตัดแต่ง ตัดแต่งเสร็จจัดเก็บในห้องเย็นเพื่อรอรถขนส่งมารับ

“เกษตรกรพึงพอใจกับการส่งผักให้กับท็อปส์ จึงอยากส่งผลผลิตให้เพิ่มมากขึ้นรวมทั้งมีเกษตรกรรายใหม่ๆต้องการเข้าร่วมสหกรณ์ฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องการต้องเข้มงวดว่าการปลูกต้องสะอาด ปลอดสารเคมี รวมถึงวางแผนเพิ่มรถขนส่งผักไปยังศูนย์กระจายสินค้าของท็อปส์ โดยทุกขั้นตอนมีการปรึกษากับทางท็อปส์และหน่วยงานภาครัฐใน จ.เพชรบูรณ์”

กลุ่มสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ ปัจจุบันมีสมาชิก 102 ครัวเรือน โดยชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกมีความยั่งยืนและมั่นคง ตั้งแต่ที่ท็อปส์เข้ามารับซื้อสินค้าเกษตรจากชุมชนโดยตรง โดยที่ให้ราคาน่าพอใจ และยังทำให้เกษตรกรในชุมชนสามารถกลับมาปลูกผัก อย่าง บล็อคคอลี่ ได้อีกครั้ง หลังจากที่โดนบล็อคคอลี่จากต่างประเทศตีตลาดจนต้องเลิกปลูกไปนับสิบปี

ด้วยศักยภาพของสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ สามารถเป็นฮัพการผลิตและส่งผักตระกูลกะหล่ำและคะน้าฮ่องกง ป้อนในจังหวัดและภาคอีสานได้ ด้วยระบบการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผักสดถึงมือผู้บริโภคในพื้นที่ใกล้เคียงได้ภายในเวลาเพียงแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น

ทางด้านทวี กระแส ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพแปรรูปมะขามหวานบ้านโนนเสาธง ต.ตะเบาะ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เดิมมะขามหวานของสมาชิกในกลุ่มฯ ทั้ง 20 ครัวเรือน จะเก็บเกี่ยวให้เสร็จช่วงเดือนเมษายน เพื่อให้ทันหน้าขายในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนยาวไปจนถึงเดือนมกราคมของปีถัดไป ในขณะที่เจอปัญหามะขามต่างถิ่นเข้ามาขายในพื้นที่แย่งตลาด รวมถึงบางปีผลผลิตตกต่ำ ต้องทิ้งมะขามหวานเน่าคาต้น การรับซื้อจากพ่อค้าคนกลางแบบคละไซส์ก็ได้ราคาต่ำ

 

“ด้วยความช่วยเหลือจากจังหวัดและท็อปส์ ที่มองเห็นศัพยภาพการเติบโตของกลุ่มฯ และได้เสนอเรื่องไปยังมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ เพื่อของบกว่า 2 ล้านบาท สร้างโรงบรรจุและแปรรูปมะขามหวาน และห้องเย็นที่รองรับมะขามหวานได้สูงสุด 60 ตันทำให้ในปี 2558 ที่ผ่านมาสมาชิกกลุ่มฯมีรายได้จากการขายมะขามหวานในราคาที่พึงพอใจ โดยมะขามหวานคัดไซส์ที่ส่งให้ท็อปส์ได้ราคาดีกว่าขายมะขามหวานทั่วไปตามท้องตลาดและขณะนี้ทางกลุ่มฯกำลังต่อยอดแปรรูปมะขามหวานเป็นมะขามหวานไร้เม็ด มะขามสามรส มะขามคลุกบ๊วย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า เตรียมวางจำหน่ายในท็อปส์ในอนาคต”

นอกจากรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงและถ่ายทอดองค์ความรู้แล้ว ท็อปส์ยังได้จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นการขายกลุ่มสินค้าชุมชนเช่น การจัดโซนสินค้าชุมชนของเรา การจัดทำสื่อภายในสาขาและสื่อภายนอก เช่น หนังสือพิมพ์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายหรืออีเว้นท์เป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2559 มีแผนจะจัดอีเว้นท์อย่างน้อย 25 ครั้ง กระจายออกไปตามศูนย์การค้าของกลุ่มเซ็นทรัลทั่วประเทศ

ตลอด 7 ปีที่ท็อปส์ เข้าไปส่วนร่วมในการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชุมชน จนถึงปี 2558 มีเครือข่ายมากถึง 102 ชุมชน 107 โอทอป 72 SMEs มีรายได้กลับเข้าสู่ชุมชน,โอทอปและSMEs กว่า 600 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2559 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านบาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ท็อปส์ คุณธนภัทร(ดอน) โทร.081-285-6525 คุณปาริฉัตร(ปา) โทร.081-646-3639

2 3 4-1 5 6